𝐓𝐇𝐄 𝐖𝐈𝐒𝐃𝐎𝐌 𝐎𝐏𝐓𝐈𝐂
ร้านแว่นตาเชียงใหม่ และ เลนส์โปรเกรสซีฟ โดยนักทัศนมาตร
“การใช้เวลาหน้าจอ
ที่มากเกินไป
เป็นอันตรายต่อเด็กหรือไม่?”
ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของเรา เด็กๆ ก็ได้รับผลกระทบจากการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และหน้าจอ (screen) ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ หรือโทรทัศน์ ซึ่งทำให้ผู้ปกครองและนักวิจัยต่างตั้งคำถามว่า “การใช้เวลาหน้าจอที่มากเกินไป เป็นอันตรายต่อเด็กหรือไม่?”
เวลาหน้าจอ
“ระยะเวลาที่บุคคลใช้ในการดูหรือใช้งานอุปกรณ์ที่มีหน้าจอ เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ”
ผลกระทบของเวลาหน้าจอที่มากเกินไปต่อเด็ก
ผลกระทบทางสุขภาพกาย
ปัญหาด้านสายตา
การจ้องหน้าจอเป็นเวลานานๆ อาจทำให้เด็กมีอาการตาล้า ปวดตา และในบางกรณีอาจนำไปสู่ปัญหาสายตายาวหรือสายตาสั้น
ปัญหาการนอนหลับ
แสงสีฟ้าจากหน้าจอ สามารถรบกวนการผลิตฮอร์โมนเมลาโทนิน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการนอนหลับ ทำให้เด็กนอนหลับยากและมีคุณภาพการนอนที่ต่ำลง
ปัญหาทางกายภาพ
การนั่งดูหน้าจอเป็นเวลานานอาจทำให้เด็กมีอาการปวดคอ ปวดหลัง หรือแม้กระทั่งปัญหาด้านน้ำหนักตัวเกิน เนื่องจากการขาดการออกกำลังกาย
ผลกระทบทางสุขภาพจิต
ความเครียดและภาวะซึมเศร้า
การใช้เวลาหน้าจอมากเกินไป อาจนำไปสู่ภาวะความเครียดหรือภาวะซึมเศร้า โดยเฉพาะเมื่อเด็กใช้เวลาในสื่อสังคมออนไลน์เป็นเวลานานๆ
ปัญหาด้านพฤติกรรม
เด็กที่ใช้เวลาเล่นเกมหรือดูวิดีโอเป็นเวลานานๆ อาจมีปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์และพฤติกรรม รวมถึงการมีสมาธิสั้นและการมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าว
ผลกระทบต่อการพัฒนาและการเรียนรู้
การพัฒนาทางสังคม
การใช้เวลาหน้าจอมากเกินไป อาจทำให้เด็กขาดทักษะการสื่อสารและการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม เนื่องจากเวลาที่ควรจะใช้ในการเล่นและเรียนรู้ร่วมกับเพื่อนๆ ถูกแทนที่ด้วยการใช้หน้าจอ
การพัฒนาทางสมอง
งานวิจัยบางชิ้นแสดงให้เห็นว่าการใช้เวลาหน้าจอที่มากเกินไป อาจมีผลกระทบต่อการพัฒนาของสมองในเด็ก โดยเฉพาะในด้านความจำและการเรียนรู้
คำแนะนำหรับผู้ปกครอง
การจัดการเวลาหน้าจออย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะในเด็กและเยาวชนที่กำลังอยู่ในช่วงการเติบโต ผู้ปกครองและครูสามารถช่วยสร้างนิสัยการใช้เทคโนโลยีที่ดีได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
การกำหนดเวลาที่ชัดเจน
- กำหนดเวลาที่ชัดเจนสำหรับการใช้หน้าจอ เช่น กำหนดเวลาในการดูโทรทัศน์ เล่นเกม หรือใช้โซเชียลมีเดียในแต่ละวัน
- เด็กอายุต่ำกว่า 18 เดือน : ควรหลีกเลี่ยงการใช้หน้าจอทั้งหมด ยกเว้นการวีดีโอคอลกับสมาชิกในครอบครัว
- เด็ก 18 เดือน – 2 ปี : ควรจำกัดเวลาในการใช้หน้าจอไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน
- เด็กอายุ 2-5 ปี: ควรจำกัดเวลาในการใช้หน้าจอไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน และเนื้อหาควรมีความเหมาะสมกับวัย สำหรับวันหยุดอาจเพิ่มได้แต่ไม่ควรเกิน 3 ชั่วโมงต่อวัน
- เด็กอายุ 6-17 ปี: ควรมีการกำหนดเวลาและเนื้อหาที่เหมาะสม รวมถึงการส่งเสริมการทำกิจกรรมอื่นๆ นอกเหนือจากการใช้หน้าจอ เวลาในการใช้หน้าจอไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน
- ใช้แอปพลิเคชันหรือฟีเจอร์ในอุปกรณ์เพื่อควบคุมเวลาการใช้งาน เช่น การตั้งค่าการจำกัดเวลาบนโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ต
การสร้างกิจวัตรที่สมดุล ส่งเสริมกิจกรรมที่ไม่มีการใช้หน้าจอ
- สร้างกิจวัตรประจำวันที่มีความสมดุลระหว่างการใช้เทคโนโลยีและการทำกิจกรรมอื่นๆ เช่น การออกกำลังกาย การอ่านหนังสือ การเล่นนอกบ้าน และการทำงานศิลปะ
- ส่งเสริมการทำกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้หน้าจอ เช่น การเล่นกีฬา การทำกิจกรรมกับครอบครัว และการเล่นกับเพื่อนๆ
-
การเลือกเนื้อหาที่เหมาะสม
- คัดเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับวัยและพัฒนาการของเด็ก เช่น เลือกรายการโทรทัศน์ การ์ตูน และแอปพลิเคชันที่มีเนื้อหาส่งเสริมการเรียนรู้และการพัฒนา
- หลีกเลี่ยงเนื้อหาที่มีความรุนแรง มีพฤติกรรมหรือมีโฆษณาที่ไม่เหมาะสม
การเป็นตัวอย่างที่ดี
- ผู้ปกครองและครูควรเป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้เทคโนโลยีอย่างมีความรับผิดชอบและมีสติ เช่น การจำกัดเวลาการใช้โทรศัพท์มือถือและการใช้เวลาคุณภาพร่วมกับครอบครัว
- แสดงให้เด็กเห็นถึงการจัดการเวลาที่เหมาะสมและการทำกิจกรรมที่หลากหลาย
การพูดคุยและให้ความรู้
- พูดคุยกับเด็กเกี่ยวกับผลกระทบของการใช้เวลาหน้าจอที่มากเกินไป และให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีอย่างมีสติ
- สอนเด็กเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยออนไลน์ เช่น การไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวและการระมัดระวังการติดต่อกับคนแปลกหน้า
การสร้างพื้นที่ที่ปลอดจากเทคโนโลยี
- กำหนดพื้นที่ในบ้านที่ปลอดจากเทคโนโลยี เช่น ห้องนอนและห้องอาหาร เพื่อส่งเสริมการนอนหลับที่ดีและการพูดคุยกับครอบครัว
- สร้างกิจกรรมที่ไม่ใช้เทคโนโลยีในพื้นที่ดังกล่าว เช่น การอ่านหนังสือก่อนนอนหรือการสนทนาระหว่างมื้ออาหาร
สรุป
การใช้เวลาหน้าจอที่มากเกินไป สามารถมีผลกระทบต่อสุขภาพกาย สุขภาพจิต และการพัฒนาของเด็กได้ ผู้ปกครองสามารถลดความเสี่ยงเหล่านี้ และส่งเสริมการพัฒนาอย่างเต็มที่ของเด็ก ด้วยการจัดการและให้การดูแลที่เหมาะสม มีการกำหนดเวลาการอยู่หน้าจอที่ชัดเจน เลือกเนื้อหาที่เหมาะสม สร้างกิจวัตรที่สมดุลระหว่างการใช้เทคโนโลยีและการทำกิจกรรมอื่นๆ เป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้เทคโนโลยี การพูดคุยและให้ความรู้ รวมถึงการสร้างพื้นที่ที่ปลอดจากเทคโนโลยี สิ่งเหล่านี้ล้วนสำคัญในการเลี้ยงดูและพัฒนาเด็กๆในยุคปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยให้เด็กสามารถใช้เทคโนโลยีอย่างมีสติและเกิดประโยชน์สูงสุด