3 เรื่องที่ควรเข้าใจ ก่อนตัดสินใจเลือกเลนส์สายตา

คือ เลนส์จะถูกออกแบบมาให้มองได้ทุกระยะบนแว่นตัวเดียว ใช้มองระยะไกล ระยะกลาง และระยะใกล้ได้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสายตายาวตามวัย ลักษณะของเลนส์จะมีการวางโครงสร้างโดยการใส่หลากหลายค่าสายตาบนตัวเลนส์ ซึ่งต้องอาศัยการฝึกปรับตัวในการมองระยะ ไกล กลาง ใกล้ ในช่วงระยะแรก ระยะการฝึกใช้งานโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 2 สัปดาห์ เป็นเลนส์สำหรับการใช้งานทั่วไป ขับรถ ดูTV อ่านอ่านสือ ใช้งานมือถือ คอมพิวเตอร์ เป็นต้น

เลนส์ประเภทนี้จะมีการไล่ระดับค่าสายตา ตามระยะการใช้งาน ตั้งแต่ช่วงระยะกลาง ไปจนถึงระยะใกล้ นั่นก็คือระยะคอมฯ ไปจนถึงระยะเอกสารหรือมือถือ จะมีการวางโครงสร้างลักษณะคล้ายโปรเกรสซีฟ แต่จะเน้นใช้งานเพียง 2 ระยะ กลางและระยะใกล้ ไม่มีรอยต่อ หรือที่เรียกกันว่า Office lens เลนส์นี้เหมาะสำหรับใช้งานหน้าจอคอม และงานเอกสาร ไม่แนะนำให้ใส่เดินหรือใส่มองไกล

ตัวเลนส์ถูกพัฒนาขึ้นมาให้มีการเคลือบ Coating พื้นฐานเข้าไปหลายๆชั้น หลายๆคุณสมบัติ เพื่อตอบโจทย์ใช้งาน โดยแต่ละชั้นจะมีคุณสมบัติที่ต่างกัน

นอกจากจะมีคุณสมบัติของมัลติโค้ดอยู่ก่อนแล้ว โค้ดตัวนี้จะช่วยป้องกันแสงสีน้ำเงิน ที่คงค้างจากหน้าจอ LED จอมือถือ จอคอมฯ ต่างๆ
คุณสมบัติของเลนส์บลูจะทำหน้าที่ในการตัดความยาวคลื่น 440 นาโนเมตร ซึ่งตัดแสงสีน้ำเงินออกไป การตัดช่วงคลื่นนี้ทำให้ภาพที่มองผ่านเลนส์บลูจะมีติดเหลืองน้อยๆ ไปจนถึงติดเหลืองมาก ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของเลนส์ ซึ่งในปัจจุบันบางบริษัทเลนส์ก็มีเทคโลโลยีแบบใหม่เข้ามา ทำให้ภาพที่มองเห็นแทบจะไม่ติดเหลืองอีกต่อไป เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการใส่เลนส์ป้องกันแสงสีน้ำเงิน แต่ต้องการเห็นสีที่ติดเหลืองเพียงเล็กน้อย สบายตา และผู้สวมใส่มองเห็นสีที่ไม่ผิดเพี้ยน

เป็นผิวโค้ดที่ช่วยให้เลนส์ เกิดการเปลี่ยนสีอัตโนมัติเมื่อใส่ออกกลางแจ้ง และคืนเป็นสีใสเมื่อเข้าที่ร่ม ซึ่งจะมีทั้งตัวที่เปลี่ยนสีอัตโนมัติปกติ และสีที่เปลี่ยนอัตโนมัติโดยมีการเคลือบ Blue Blocking เข้าไปด้วย
-เลนส์ออโต้เปลี่ยนสีเมื่อออกแดด เลนส์นี้จะมีการเคลือบสารที่จะตอบสนองต่อความเข้มของปริมาณรังสี UV ดังนั้นเมื่อใส่แว่นตาเลนส์ออโต้อยู่ในร่ม เลนส์จะใส พอออกแดดจะเปลี่ยนสีเป็นสีที่เราเลือก หลักๆก็จะมีสีเทา (Grey) สีน้ำตาล (Brown) และสีเขียว (Green)